ให้สัมภาษณ์ Biz Focus Industry magazine

เปิดวิสัยทัศน์แม่ทัพ “ทีทีเค เอเชีย ทรานสปอร์ต”
ทีทีเค เอเชีย ทรานสปอร์ต ผู้นำธุรกิจบริการขนส่งระดับแถวหน้าของประเทศ เผยแผนธุรกิจปี 64 เดินหน้าขยายธุรกิจเต็มสูบ ทั้งบริการขนส่งในประทศและข้ามประทศ เพิ่มปริมาณรถอีกเกือบเท่าตัว เติมฐานลูกค้าให้กว้างมากยิ่งขึ้น บวกทยอยนำรถอีวีมาให้บริการ หนุนเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ประกาศความสำเร็จด้วยรางวัลเกียรติยศ พร้อมชูหลักการบริหารนำพาองค์กรสู่ความสำเร็จ

มร.ชิโร อิวาโอะ ประธาน บริษัท ทีทีเค เอเชีย ทรานสปอร์ต (ไทย-แลนด์) จำกัด กล่าวถึงภาพรวมการดำเนินธุรกิจขององค์กร ว่า โดยหลักๆประกอบด้วยธุรกิจ 3 ประเภท ได้แก่
1.บริการขนส่งระบบ Milk-run (Tran-sportation)
2.ธุรกิจบริการขนส่งข้ามพรมแดน (Cross Border)
3.ธุรกิจให้บริการศูนย์ฝึกอบรมขับขี่ปลอดภัย (Training Center)

สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2564 บริษัทได้วางแนวทางไว้ดังนี้
1.มุ่งขยายธุรกิจบริการขนส่ง (Transportation) ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ
2.ขยายขอบเขตของการให้บริการขนส่งข้ามประเทศ (CrossBorder) ที่บริเวณลุ่มแม่น้ำโขงให้ใหญ่และกว้างมากยิ่งขึ้น
3.เพิ่มปริมาณรถบริการขนส่งอีกเกือบเท่าตัว หรือเพิ่มจาก 1,300 คันในปัจจุบันเป็นกว่า2,000 คันภายในปีนี้
4.การขยายฐานลูกค้าให้มากขึ้นทั้งในส่วนของ Automotive และ Non Automotive โดยในปัจจุบันบริษัทได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องซึ่งได้ขยายไม่ใช่เฉพาะแค่ธุรกิจบริการขนส่งยานยนต์เท่านั้น แต่ได้มีการขยายไปยังธุรกิจขนส่งที่ไม่ใช่ยานยนต์ด้วยเช่นกัน เช่น อุตสาหกรรมอาหารหรือขนส่งอุปโภค-บริโภค ในรูปแบบ B2B และ B2C”

ปัจจุบันระบบขนส่งของเราซึ่งเป็นระบบ Mik-run จะเน้น Just in Time โดยจะมีไดอะแกรมกำหนดว่าจะมีการขนส่งจากซัพพลายเออร์ไปถึงลูกค้าเมื่อใด ซึ่งจะใช้ในระบบการขนส่งรถยนต์ ทั้งนี้ หากจะมีการขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร หรืออุตสาหกรรมสินค้าอุปโภค-บริโภค โดยให้ได้รับการบริการในรูปแบบเดียวกัน คาดว่าจะสร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้ามากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกัน บริษัทยังมีแผนขยายสาขาไปยังต่างจังหวัด หรือครอบคลุมทั่วประเทศ และตั้งอยู่ใกลักับลุ่มแม่น้ำโขง เพื่อให้สามารถรองรับการให้บริการลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น” มร.ชิโร อิวาโอะกล่าว

นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนที่จะปรับเปลี่ยนรูบแบบรถบริการขนส่งที่ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิงมาเป็นรถขนส่งที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าหรือรถอีวี (EV ทั้งหมดในอนาคต เพื่อช่วยประหยัดน้ำมันและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งไม่ใช่เฉพาะการให้บริการขนส่งในประเทศ แต่รวมถึงการให้บริการขนส่งข้ามพรมแดน โดยจะทยอยดำเนินการอย่างต่อเนื่อง

“เป็นที่ทราบกันว่า ขณะนี้เราประสบบัญหาในเรื่องของสิ่งแวด-ล้อมหลายด้านอย่างเช่น ฝุ่น PM 2.5ที่เกิดขึ้นในทุกวัน ซึ่งไม่ใช่เกิดขึ้นเฉพาะในประเทศไทย แต่รวมถึงลุ่มแม่น้ำโขง หรือในภูมิภาคเอเชียก็ประสบปัญหาเดียวกัน เราในฐานะผู้ประกอบกิจการขนส่งชั้นนำของประเทศ มีความต้องการที่จะดำเนินการเพื่อยกระดับให้สภาพแวดล้อมดีมากยิ่งขึ้น

ปัจจุบันเรามีรถบริการขนส่งขนาดใหญ่ซึ่งใช้น้ำมันเป็นพลังงานเป็นจำนวนมาก โดยมีแผนจะค่อยๆ ทยอยปรับเปลี่ยนมาใช้รถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า หรือรถอีวี (EV) หรือรถที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาได้อย่างแน่นอน อีกทั้งเรายังสามารถเป็นแบบอย่างให้แก่ผู้ประกอบการธุรกิจขนส่งรายอื่นๆได้อีกด้วย” มร.ชิโร อิวาโอะกล่าว

ด้านการดำเนินงานของ TPRO Training Center หรือศูนย์ฝึกอบรมการขับขี่ปลอดภัย ซึ่งเปิดให้บริการเมื่อปี 2555 ถือว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากหน่วยงานต่างๆ ของทั้งภาครัฐ (ขสมก) และเอกชน ซึ่งได้ส่งพนักงานขับรถเข้ามาฝึกอบรมอย่างต่อเนื่อง โดยพนักงานขับรถที่เข้ามารับการฝึกอบรมจะมีมารยาทในการขับขี่ที่ดีขึ้น และช่วยลดอุบัติเหตุภายในบริษัทได้เป็นอย่างดี

โดยศูนย์บริการดังกล่าวสะท้อนถึงเป้าหมายและความมุ่งมั่นของบริษัทที่มีบทบาทในการสร้างพนักงานขับรถ ไม่ว่าจะเป็น พนักงานขับรถขนส่งผู้โดยสาร หรือขนส่งสินค้าให้มีมารยาทในการขับขี่ที่มีความปลอดภัยออกสู่ท้องถนนมากยิ่งขึ้น โดยในแต่ละปีจะมีลูกค้าเข้ารับการฝึกอบรมประมาณ 7,000 คน ซึ่งถือเป็นโอกาสที่บริษัทจะสร้างพนักงานขับรถที่มีมารยาทและขับขี่อย่างปลอดภัย รวมถึง จะช่วยให้สภาพการจราจรของประเทศไทยดีขึ้นด้วยเช่นกัน

มร.ชิโร อิวาโอะกล่าวต่อถึงรางวัลเกียรติยศ ว่า ที่ผ่านมาบริษัท
ได้รับหลากหลายรางวัล โดยรางวัลด้านคุณภาพการให้บริการทางธุรกิจมีดังนี้

1.มาตรฐานคุณภาพบริการขนส่งด้วยรถบรรทุก (Q Mark) ซึ่งเป็นมาตรฐานที่รองรับในการขนสงสินค้าด้วยรถบรรทุกทั้งในประเทศและต่างประเทศ
2.รางวัล The Winner of Outstanding Performance Supplier Logistic & Packing Cost Iimprovement เป็นรางวัลชนะเลิศ มาตรฐานด้านการบริการลูกค้า ในการควบคุมการขนส่ง ตลอดจนการปรับปรุงต้นทุนการบรรจุหีบห่อที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งมีการพิจารณาคัดเลือกการให้รางวัลดังกล่าว โดยบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด และบริษัท โตโยต้าไดฮัทสุ เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด
3.รางวัล Driving Contest ชนะเลิศการแข่งขันทักษะการขับขี่รถบรรทุก เป็นรางวัลที่ได้รับการรับรองทักษะด้านการขับขี่จากบริษัท โตโยต้า ไดฮัทสุ เอ็นจิเนียวิ่ง แอนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด โดยมีครูผู้ฝึกสอนที่ได้รับการฝึกอบรม ซึ่งได้รับรองมาตรฐานมาจากประเทศญี่ปุ่น (TPRO)
4.รางวัล Eco Driving Activity เป็นรางวัลระดับเหรียญทอง ที่ได้รับรองการขับรถประหยัดน้ำมัน ได้รับจากบริษัท โตโยต้า ไดฮัทสุ เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด

รางวัลด้านแรงงานสัมพันธ์และสวัสดิการแรงงาน ได้แก่ รางวัล Thailand Labour Management Excellence Award เป็นรางวัลแรงงานสัมพันธ์และสวัสดิการแรงงานดีเด่น ที่กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานกระทรวงแรงงานรับรองมาตรฐานระดับประเทศ

รางวัลด้านความปลอดภัย ได้แก่ รางวัลสถานประกอบกิจการต้นแบบดีเด่นด้านความปลอดภัยระดับประเทศ ซึ่งเป็นมาตรฐานที่กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน ได้รับรองให้กับสถานประกอบกิจการที่มีมาตรฐานด้านความปลอดภัยระดับประเทศ

“ทุกรางวัลที่บริษัทได้รับ นับเป็นความภาคภูมิใจขององค์กรเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะรางวัลด้านแรงงานสัมพันธ์ยอดเยี่ยมหรือแรงงานสัมพันธ์ดีเด่น ซึ่งเป็นการตอกย้ำที่แสดงให้เห็นว่า ถึงแม้ว่าบริษัทจะมีพนักงานหลายพันคน แต่สามารถสื่อสารและสร้างแรงงานสัมพันธ์ที่ดีต่อกันระหว่างบริษัทและพนักงาน และในปีนี้ มีแผนที่จะส่งโครงการต่างๆ เข้าร่วมประกวดอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ได้มาซึ่งรางวัลเกียรติยศเช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา” มร.ชิโร อิวาโอะกล่าว

ส่วนหลักการบริหารองค์กรที่ประสบความสำเร็จ โดยนโยบายหลักๆ ที่ตนมอบให้แก่พนักงานมาโดยตลอดนับตั้งแต่ดำรงตำแหน่งประธานบริษัท คือ Positive การมองไปข้างหน้า Passion แรงจูงใจให้ทุกคนมีความกระตือรือร้น มีความรักในการทำงาน และ Logical-ตรรกะ ทั้งนี้ จากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ทุก ธุรกิจต้องมีการปรับตัว ดังนั้นสิ่งที่ตนอยากจะเพิ่มเติม คือ Speed-การปรับตัวอย่างรวดเร็วเพื่อให้ก้าวตามทันสถานการณ์ที่เกิดในปัจจุบันโดยมี Vision การก้าวล้ำหน้าบริษัทคู่แข่งอื่นๆ และเป็นบริษัทให้การบริการโลจิสติกส์ชั้นนำของประเทศ

ขณะที่จุดแข็งด้านการบริการของบริษัท คือ การร่วมมือ ร่วมแรงร่วมใจ และความสามัคคีของพนักงาน สงผลให้มีทีมงานที่มีความแข็งแรงในการนำพาบริษัทไปในทิศทางทางเดียวกันได้ ซึ่งตนมองว่าการที่จะพัฒนาบริษัทให้มีการเจริญเติบโตไปได้ พนักงานจะต้องรู้สึกว่ามีความสุขในการทำงาน โดยตนจะมีแนวคิดเสมอมาในการพัฒนาบริษัทอย่างไรเพื่อให้เป็นสถานที่ที่พนักงานมีความสุขในการทำงานและอยากมาทำงานทุกวัน พร้อมทั้งจะพยายามดำเนินการให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

มร.ชิโร อิวาโอะกล่าวในตอนท้ายถึงสิ่งที่อยากประชาสัมพันธ์องค์กร ว่า
1.บริษัทมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาสภาพแวดล้อมการขับขี่ของประเทศไทย หรือเป็นการยกระดับ ปรับพฤติกรรมมารยาทการขับขี่ เพื่อช่วยลดอุบัติเหตุ ลดปัญหาการจราจร ลดการปล่อยก๊ซคาร์บอนไดออกไซด์ออกสู่บรรยากาศ อีกทั้ง จะมีส่วนช่วยลดฝุ่น PM 2.5 ในประเทศไทยอีกด้วย
2.บริษัทมีความมุ่งมั่นในการเปลี่ยนสภาพแวดล้อมด้านแรงงานโดยจะเปิดกว้างในการรับสมัครพนักงานขับรถบรรทุกเพศหญิง รวมถึง คนพิการที่ไม่สามารถทำงานที่อื่นได้ ทั้งนี้ หากบริษัทมีโอกาสที่จะให้คนพิการมาร่วมทำงานได้ นับเป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง รวมถึง การพัฒนาสภาพแวดล้อมการทำงานของบริษัท โดยให้เป็นพื้นที่ที่ทุกคนอยากมาทำงานหรือดึงดูดให้มีคนมาทำงานด้วย ซึ่งจะช่วยลดอัตราการลาออกได้เป็นอย่างมาก ส่งผลให้ธุรกิจเดินหน้าได้อย่างต่อเนื่อง รวมทั้ง การสร้างให้บริษัทมีแรงงานสัมพันธ์ที่ดี ซึ่งพนักงานทุกคนจะได้ทำงานอย่างมีความสุข
3.การนำระบบเทคโนโลยีมาใช้ในการทำงานเพื่อปรับเปลี่ยนรูปแบบบริษัทบริการขนส่งให้มีความทันสมัย ยกตัวอย่างเช่น การนำรถขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า หรือรถอีวี (EV มาใช้แทนรถที่ขับเคลื่อนด้วยน้ำมันรวมถึง มีแผนที่จะนำรถที่ขับขี่ด้วยระบบอัตโนมัติจากประเทศญี่ปุ่นมาใช้ในประเทศไทย ซึ่งจะทำให้เป็นบริษัทขนส่งนำร่องรายแรกในประเทศไทยที่นำเทคในโลยีมาใช้ในการทำงาน ทั้งนี้หากผู้ประกอบการรายใดมีไอเดีย มีระบบอัตโนมัติ และมีไอทีที่สามารถร่วมพัฒนาไปในทิศทางเดียวกันกับบริษัท โดยบริษัทมีความยินดีที่จะร่วมงานด้วยเป็นอย่างมาก